การกำหนดเงินแต่ละไม้ในการลงเดิมพันบาคาร่าดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่อยากจะลงก็ลงตามที่ต้องการ หรืออยากได้เท่าไหร่ เสียเท่าไหร่ก็ลงตามนั้น
แต่ในความเป็นจริงมีอะไรที่ลึกลงไปมากกว่านั้นครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับ
- ความเสี่ยง
- กลยุทธที่ใช้
- เป้าหมายของการเดิมพัน
- ต้นทุนที่มี
ถ้าเอาทั้ง 4 ข้อมาคิดด้วยการลงเดิมพันแต่ละไม้จะไม่ใช่การอยากได้กำไรเท่าไหร่ก็กด หรือ อยากเสียเท่าไหร่ก็กดอีกต่อไปครับ เพราะจำเป็นต้องมีกลยุทธในการเดิมพันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ รวมถึงจำกัดความเสี่ยงได้ตามแผนที่วางไว้ครับ
ใครจะสุ่มเป็นหวยไวเป็นตาๆไปก็ได้แต่ต้องยอมรับด้วยว่าอาจจะได้แบบงงๆเสียแบบงงๆโดยไม่สามารถพัฒนาอะไรต่อได้เลย
แนวทางการลงเดิมพันแต่ละไม้ในบาคาร่า
กำหนดงบประมาณก่อนเล่น:
- ก่อนอื่นคุณควรกำหนดวงเงินที่จะเล่นในแต่ละวันหรือแต่ละรอบให้ชัดเจน เช่น ถ้ามีงบ 1,000 บาท ควรกำหนดว่าจะเล่นในไม้ละเท่าไหร่ และควรตั้งขีดจำกัดเมื่อขาดทุนถึงจำนวนที่กำหนดไว้
เดิมพันแบบมาตรฐาน (Flat Betting):
- วิธีนี้คือการเดิมพันจำนวนเงินเท่าเดิมในทุกไม้ ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เช่น เดิมพัน 100 บาทในทุกๆ รอบ นี่เป็นวิธีที่ง่ายและไม่เสี่ยงเกินไป
- ข้อดี: ไม่ต้องคำนวณมากมาย, ลดความเสี่ยงจากการขาดทุนรวดเร็ว
- ข้อเสีย: ผลกำไรหรือขาดทุนอาจจะไม่เร็ว
ระบบมาร์ติงเกล (Martingale):
- เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดโดยการเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าหลังจากเสีย เช่น ถ้าเสีย 100 บาทในไม้แรก ไม้ถัดไปจะเดิมพัน 200 บาท
- ข้อดี: ถ้าโชคดีคุณจะได้คืนทุนทั้งหมดในครั้งเดียว
- ข้อเสีย: ต้องมีเงินทุนมากพอ เพราะถ้าเสียหลายไม้ติดกัน จะต้องเพิ่มเดิมพันสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเสี่ยงที่จะเสียทุนทั้งหมด
ระบบฟีโบนาชี (Fibonacci):
- ใช้ลำดับตัวเลขฟีโบนาชีในการเพิ่มเดิมพัน เช่น 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21 เป็นต้น หากเสียให้เพิ่มเดิมพันตามลำดับ หากชนะให้ลดเดิมพันกลับไป
- ข้อดี: มีความเสี่ยงต่ำกว่ามาร์ติงเกล และยังสามารถคืนทุนได้
- ข้อเสีย: ต้องใช้เวลานานในการคืนทุนหากเสียหลายรอบ
การบริหารความเสี่ยง (Bankroll Management):
- หลักการนี้คือการลงเดิมพันในแต่ละไม้ไม่เกิน 5% ของเงินทุนทั้งหมด เช่น หากมีเงินทุน 1,000 บาท ก็ควรเดิมพันไม่เกิน 50 บาทต่อไม้
- ข้อดี: ช่วยให้คุณสามารถเล่นได้นานและลดความเสี่ยง
- ข้อเสีย: หากเดิมพันต่ำเกินไป อาจไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
การตั้งเป้าหมายกำไรและขีดจำกัดการขาดทุน:
- หากคุณตั้งเป้าหมายกำไร เช่น ต้องการทำกำไร 20% ของเงินทุนหรือ 200 บาท เมื่อได้ตามเป้าหมายแล้วก็ควรหยุดเล่น
- หากขาดทุนถึงขีดจำกัดที่ตั้งไว้ เช่น 30% ของเงินทุน ควรหยุดเล่นและเลิก
ตัวอย่าง
ถ้าเล่นโดยใช้กลยุทธมาร์ติงเกล โดยต้องการจำกัดความเสี่ยงอยู่ที่ไม้ละ 1% และมีเป้าหมายวันละ 500 บาท แปลว่าจำเป็นต้องใส่งบเข้ามาอย่างน้อยๆ 5,000-10,000 บาท
เพราะถ้าใช้ทุน
- ทุน 5,000 ไม้ละ 1% = 50 บาท ต้องชนะรวม 10 ไม้
- ทุน 10,000 ไม้ละ 1% = 100 บาท ต้องชนะรวม 5 ไม้
ในการเดิมพันจริง
- ทุน 10,000 บาท: เดิมพันครั้งแรก 100 บาท
- หากชนะในรอบแรก เงินทุนจะเป็น 10,100 บาท
- หากแพ้ในรอบแรก เดิมพันรอบต่อไปจะเป็น 200 บาท (ตามระบบมาร์ติงเกล)
- หากแพ้อีก รอบถัดไปเดิมพันจะเป็น 400 บาท
- เล่นให้ชนะภายใน 6 ไม้ก็จะกลับมากำไรทันที
- แต่ถ้าแพ้ 6 ไม้ติดต่อกันจะเหลือเงินต้นเพียง 3,600 บาทเท่านั้น เป็นความเสี่ยงของระบบนี้
แต่ถ้าใช้การเดิมพันคงที่ และมีเงินต้นเท่ากันก็จะสามารถเดิมพันได้ 100 ครั้ง แต่จำเป็นต้องชนะมากกว่าแพ้เท่านั้น
อันนี้ก็สามารถเลือกได้ตามความเก่ง และกลยุทธได้เลย
สรุป
- หากทุนต่ำ: ควรเริ่มต้นเดิมพันที่ 1–5% ของเงินทุน เช่น ทุน 1,000 บาท เดิมพันไม้ละ 10-50 บาท
- หากทุนสูง: สามารถเดิมพันในไม้ที่มากขึ้นได้ แต่ควรใช้วิธีการจัดการที่เหมาะสม เช่น เดิมพันไม้ละ 1,000–2,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- หากใช้ระบบมาร์ติงเกล: ต้องมีทุนสำรองพอสมควรเพื่อไม่ให้เสียเงินเร็วเกินไป